รีวิวแสงกระสือ ไขข้อสงสัยหนังแสงกระสือ ภาค 1 กับ 2 ต่างกันยังไง?

แสงกระสือ ภาพยนตร์ผีสัญชาติไทยที่ยังคงเอกลักษณ์เรื่องเล่าตำนานผีๆ แต่ต่างออกไปที่ครั้งนี้พล็อตหนังค่อนข้างจะหักไปจากหนังกระสือยุคเก่าๆ มีการถ่ายทอดนัยยะอื่นๆ ที่ร่วมสมัยมากกว่าการขายฉากผีสยองขวัญ โดยแสงกระสือ หนังภาคแรกนั้นหลังจากได้ฉายไปแล้วมีเสียงวิจารณ์รีวิวไปในทางที่ดีเกินคาดทำให้กระแสหนังผีไทยกลับมาเป็นเทรนด์ความชื่นชอบอีกครั้ง และนั่นจึงนำไปสู่การเกิดขึ้นของภาคต่อ แสงกระสือ 2 แต่ดูเหมือนว่าผลลัพธ์จะไม่เป็นไปตามที่คาดเพราะหนังไม่ดังเปรี้ยงอย่างในภาคแรก แล้วภาพยนตร์เรื่องแสงกระสือ 1 กับ 2 ต่างกันยังไง? ลองไปดูกัน โดยสามารถดูหนังแสงกระสือ 1 - 2 ทั้งสองภาคได้แล้วที่ Netflix

ภาพยนตร์เรื่องแสงกระสือ ภาค 1 - 2

ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่าตำนานเรื่องเล่าผีไทยนั้นมักจะถูกหยิบยกมาสร้างฉายซ้ำอยู่หลายครั้ง ทั้งตำนานแม่นาคพระโขนง ผีนางรำ ผีปอบ หรือแม้กระทั่งผีกระสือเองก็ตาม ในคราวนี้เราจะมาว่ากันถึงผีกระสือ ผลงานมาสเตอร์พีซในตำนานที่เป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ต้องยกให้เรื่อง “กระสือ 2537” จุดเริ่มต้นกระสือยายสายที่สร้างความหวาดกลัวไปทั่วบ้านทั่วเมือง ตามมาด้วยหนังกระสือในเวอร์ชันต่างๆ ทั้งตำนานกระสือ (2545), กระสือวาเลนไทน์ (2549), กระสือครึ่งคน (2559) และแสงกระสือ (2562)

รีวิวหนังแสงกระสือ ภาค 1 (2562)

แนว : สยองขวัญ, โรแมนติก, ดราม่า
นักแสดง : มินนี่-ภัณฑิรา พิพิธยากร, โอบ-โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์, เกรท-สพล อัศวมั่นคง, สุรศักดิ์ วงษ์ไทย
ผู้กำกับ : สิทธิศิริ มงคลศิริ
ความยาวหนัง : 2 ชั่วโมง 1 นาที
รายได้ทั้งหมด : 102 ล้านบาท
คะแนน : 8.5/10
ช่องทางการดู แสงกระสือ ภาค 1 ได้ที่ Netflix

แสงกระสือ (Inhuman Kiss) ภาค 1 หนังปี 2562 เป็นผลงานการกำกับของโดม - สิทธิศิริ มงคลศิริ และเขียนบทภาพยนตร์โดย มะเดี่ยว - ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล หนังเรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นผลงานแจ้งเกิดนักแสดงรุ่นใหม่ทั้ง มินนี่ - ภัณฑิรา พิพิธยากร และ โอบ - โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์ สองนักแสดงนำจากแสงกระสือ ภาคแรกที่คว้ารางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมไป อีกทั้งยังได้รับเลือกเป็นตัวแทนภาพยนตร์ไทยเข้าชิงรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 92 อีกด้วย

เรื่องย่อแสงกระสือ ภาค 1 เล่าถึง “สาย” หญิงสาวที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านชายป่าอันห่างไกลที่เพิ่งรู้ตัวว่าแท้จริงแล้วตนไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นเผ่าพันธุ์กระสือที่สืบเชื้อสายต่อๆ กันมา เธอพยายามปิดบังตัวตนโดยมีเพื่อนสนิทอย่าง “เจิด” และ “น้อย” ชายหนุ่มที่เธอรักคอยปกป้องจากการถูกชาวบ้านไล่ล่า และคุ้มกันเธอจากอสูรกายที่พยายามตามมาควักหัวใจกระสือสาวเพื่อความเป็นอมตะ ความใกล้ชิดของทุกคนจึงนำไปสู่รักสามเศร้า

ความพิเศษที่น่าสนใจสำหรับแสงกระสือ ภาค 1 นอกจากพล็อตหนังที่เล่าเรื่องราวได้อย่างมีมิติทั้งเรื่องรัก ความสยองขวัญ และเศร้าเสียน้ำตาชวนให้ติดตามแล้ว ด้านโปรดักชั่นงานภาพ แสงสี การใช้ CG เทคนิคพิเศษเรียกว่าสวยงามแปลกใหม่ลบภาพจำหนังกระสือเก่าๆ ออกไปได้เลย สำหรับบทสรุปสุดท้ายของแสงกระสือ ภาคแรก อาจจะจบได้ค้างๆ คาๆ ไม่สุดสักหน่อยคงจะเพราะทิ้งท้ายไว้ให้ภาคต่อในแสงกระสือ 2 เอาเป็นว่าใครที่กำลังหาหนัง Netflix สนุกๆ ดูกันอยู่แนะนำให้ดูแสงกระสือเลย ไม่ต้องกลัวว่าจะมีฉากชวนสะดุ้ง แต่เตรียมทิชชู่กันไปสักหน่อย

รีวิวหนังแสงกระสือ ภาค 2 (2566)

แนว : สยองขวัญ, โรแมนติก
นักแสดง : น้อย-กฤษดา สุโกศล แคลปป์, นิ้ง-ชัญญา แม็คคลอรี่ย์, เจเจ-กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม, เอม-ภูมิภัทร ถาวรศิริ, ปีเตอร์-นพชัย ชัยนาม
ผู้กำกับ : ปภังกร ปุญจันทรักษ์
ความยาวหนัง : 2 ชั่วโมง 3 นาที
รายได้ทั้งหมด : ต่ำกว่า 10 ล้านบาท
คะแนน : 5.5/10
ช่องทางการดู แสงกระสือ ภาค 2 ได้ที่ Netflix

แสงกระสือ (Inhuman Kiss: The Last Breath) ภาค 2 หนังปี 2566 หลังจากแสงกระสือ ภาคแรกสร้างปรากฏการณ์หนังทำเงินร้อยล้านไปแล้ว ความหวังในการเดินหน้าภาคต่อก็เริ่มส่องสว่างขึ้น แต่ไหงแสงกระสือภาค 2 กลับทำรายได้รวมไม่ถึงสิบล้านบาท ไปไขข้อสงสัยกัน

แสงกระสือ ภาค 2 ได้นักแสดงอย่าง น้อย-กฤษดา สุโกศล แคลปป์, นิ้ง-ชัญญา แม็คคลอรี่ย์ และเจเจ-กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม มารับบทนำ เรื่องย่อ แสงกระสือ 2 เล่าถึง ‘สาว’ เด็กผู้หญิงที่ได้รับเชื้อกระสือมาจากพ่อแท้ๆ ซึ่งก็คือตัวละครน้อยในภาคแรก จึงทำให้คนเป็นพ่อพยายามทุกทางเพื่อหาวิธีรักษาและปกป้องลูก ด้วยการกินยาจากบาทหลวงเพื่อหวังจะควบคุมกระสือที่อยู่ในร่างลูกสาวได้ จึงทำให้สาวได้พบกับ ‘คลาว’ เด็กหนุ่มพิเศษที่มีบุคลิกแตกต่างไปจากคนทั่วไป นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขาทั้งสองเข้าใจและผูกพันกันได้อย่างรวดเร็ว

เห็นได้ว่าจุดเชื่อมโยงของแสงกระสือ 1 และ 2 นั่นคือตัวละครน้อย จุดเริ่มต้นของเรื่องราวในแสงกระสือ 2 และเนื้อหาที่ว่าด้วยเรื่องราวของกระสือ การปิดบังตัวตน การถูกไล่ล่า รวมไปถึงไลน์โรแมนติกความรักระหว่างสองสายพันธุ์คนกับกระสือ ดูเหมือนจะไม่ต่างหรือใหม่ออกไปสักเท่าไหร่ ดังนั้นเนื้อเรื่องในแสงกระสือ 2 จึงได้เพิ่มตัวละครมาอีกมากมายแต่นั่นอาจจะเป็นการตกม้าตายหรือไม่ เพราะดูเหมือนว่าคาแรกเตอร์ตัวละครยังไม่มีมิติเท่าที่ควรหรือเรียกว่ายังไปไม่สุดสักทาง โผล่มาแบบไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ จึงทำให้มวลรวมของหนังดูไม่สมเหตุสมผล ทำให้คนดูรู้สึกว่าภาพยนตร์แสงกระสือ 1 กับ 2 ต่างกันนั่นเอง

แต่สำหรับในด้านโปรดักชั่น CG งานภาพ แสงสี เทคนิคพิเศษต่างๆ กลับทำได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว โดยเฉพาะการนำเสนอรูปแบบการแปลงร่างของผีกระสือสาวที่มีไฟติดๆ ดับๆ ทำเอาแอบขนลุกสยองอยู่ไม่น้อย และตอนจบสุดท้ายแสงกระสือ 2 ได้ทิ้งเอนเครดิตเอาไว้ด้วย ดังนั้นต้องมาลุ้นกันว่าหนังแสงกระสือ ภาค 3 จะถือกำเนิดขึ้นหรือไม่?