สุนัขบีเกิล (Beagle) เลี้ยงยากไหม รู้จักประวัติ นิสัย และวิธีการเลี้ยง

สุนัขบีเกิล (Beagle) เลี้ยงยากไหม รู้จักประวัติ นิสัย และวิธีการเลี้ยง
  • ENNXO
  • Blog
  • สุนัขบีเกิล (Beagle) เลี้ยงยากไหม รู้จักประวัติ นิสัย และวิธีการเลี้ยง
โดย ENNXO
อัพเดทล่าสุด: 18 มี.ค. 2568

แชร์ไปยัง :

Share on Line

ถ้าคุณกำลังมองหาสุนัขที่ทั้งแสบซน ฉลาด และขี้เล่นแบบไม่มีพัก บีเกิล (Beagle) คือสายพันธุ์ที่คุณต้องหลงรัก! ด้วยหูยาวนุ่ม ตากลมโต ขี้อ้อนชอบสำรวจผจญภัย และปรับตัวเก่ง เข้ากับคนง่าย ทำให้เจ้าหมาพันธุ์นี้พร้อมจะขโมยหัวใจของทุกคนในบ้านได้แบบไม่ต้องพยายาม น้องเป็นคู่หูตัวจิ๋วที่จะมาเติมสีสันให้กับทุกวันของคุณ มารู้จักสุนัขบีเกิล พร้อมประวัติ ลักษณะ นิสัย และวิธีการเลี้ยงกัน

สุนัขบีเกิ้ล ลักษณะ นิสัย และวิธีดูแล

ประวัติ สุนัขบีเกิล

สุนัขบีเกิลถือเป็นหนึ่งในสายพันธุ์หมาที่มีมายาวนาน โดยมีถิ่นกำเนิดที่ประเทศอังกฤษ สันนิษฐานว่าสืบเชื้อสายมาจากสุนัขล่าเนื้อสายพันธุ์ทัลบอตสมัยกรีก (สูญพันธุ์ไปแล้ว) หลังจากนั้นในราวศตวรรษที่ 11 พระเจ้าวิลเลี่ยมที่ 1 (ผู้พิชิต) ทรงนำสุนัขทัลบอต (Talbot Hound) เข้ามาที่อังกฤษ และสุนัขพันธุ์นี้ได้ผสมข้ามสายพันธุ์กับสุนัขท้องถิ่น จนเกิดเป็นสุนัขพันธุ์ใหม่ ซึ่งคนสมัยนั้นเรียกกันว่า Southern Hound เชื่อกันว่าเป็นบรรพบุรุษของสุนัขบีเกิ้ลในปัจจุบัน ส่วนชื่อ “บีเกิล (Beagle)” เริ่มมีปรากฏขึ้นราวปี 1475 ในวรรณกรรมหรรษาราตรี (Twelfth Night) ของวิลเลียม เชกสเปียร์ โดยชื่อบีเกิลนั้นไม่ทราบที่มาที่แน่ชัด สันนิษฐานว่าอาจมาจากภาษาฝรั่งเศส Begueule แปลว่า ปากกว้าง หรือเสียงดัง เพราะบีเกิ้ลชอบเห่า หรือมาจากคำว่า Beagle ภาษาอังกฤษโบราณหรือ Beag ภาษาเคลต์ หมายถึง เล็ก เนื่องจากหมาพันธุ์มีขนาดเล็ก

ต่อมาในสมัยของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 ทรงชื่นชอบสุนัขขนาดเล็กสายพันธุ์นี้มาก และเรียกหมาชนิดนี้ว่า Pocket Beagle หรือ Glove Beagle เนื่องจากน้องมีขนาดเล็กจนสามารถเอาใส่กระเป๋าเวลาออกไปล่าสัตว์ และอุ้มด้วยมือเดียวได้ แต่ภายหลังสุนัขบีเกิ้ลพันธุ์นี้ได้สูญพันธุ์ไป หลังจากนั้นในศตวรรษที่ 16 จึงมีการพัฒนาสายพันธุ์สุนัขล่าเนื้อที่มีประสาทดมกลิ่นยอดเยี่ยมขึ้นมา เพื่อใช้ล่ากระต่าย และสัตว์ขนาดเล็ก โดยนำ The Southern Hound กับ The Northern Hound (The North Country Beagle) มาผสมพันธุ์กันเกิดเป็น สุนัขบีเกิ้ล (Beagle) แบบที่รู้จักกันในปัจจุบัน ซึ่งภายหลังเริ่มเป็นที่รู้จักแพร่หลายไปที่สหรัฐอเมริกา จนกระทั่งในปี 1885 ทางสมาคมสุนัขอเมริกัน The American Kennel Club (AKC) ได้จดทะเบียนรับรองสายพันธุ์บีเกิ้ล ต่อมาปี 1890 สมาคมบีเกิ้ลนานาชาติ (National Beagle Club) ได้จัดการทดสอบล่าสัตว์สำหรับบีเกิ้ลเป็นครั้งแรกเพื่อประเมินประสิทธิภาพ และในศตวรรษที่ 20 สุนัขบีเกิ้ลก็กลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ซึ่งในปัจจุบันบีเกิ้ลไม่ได้ถูกใช้เป็นสุนัขล่าสัตว์แล้ว แต่เป็นหมาเลี้ยงที่ใครๆ ก็ตกหลุมรัก และเป็นหนึ่งในสายพันธุ์หมาที่ได้รับความนิยมเลี้ยงมากที่สุด

ความเป็นมาของบีเกิ้ล

สุนัขบีเกิล ลักษณะ และนิสัย

ข้อมูลเบื้องต้น สุนัขบีเกิ้ล

ข้อมูลสำคัญ

รายละเอียด

อายุเฉลี่ย

10-15 ปี

โตเต็มวัย

2-12 เดือน

ส่วนสูง

ตัวผู้ 13-15 นิ้ว

ตัวเมีย 12-14 นิ้ว

น้ำหนัก

ตัวผู้ 10-13 กก.

ตัวเมีย 9-12 กก.

ลักษณะขน

ขน 2 ชั้น สั้น นุ่ม และเรียบ

จุดเด่น

หูยาว ขนสั้น ดมกลิ่นเก่ง อ่อนโยน ขี้เล่น รักเจ้าของ และแสนรู้

บีเกิลแท้ ดูยังไง

สุนัขบีเกิ้ลจัดอยู่ในกลุ่มหมาล่าเนื้อขนาดกลางที่มีหน้าตาน่ารัก น่าเอ็นดู มาพร้อมศีรษะโค้งมน หน้าผากกว้าง ดวงตากลมโตทรงอัลมอนด์ จมูกใหญ่ช่วยดมกลิ่นได้ดี ใบหูใหญ่ ยาว และพับตกชิดหัว ลำตัวกำยำสมส่วนเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ หลังราบตรงแข็งแรง มีขน 2 ชั้น สั้น นุ่มลื่น และเรียบ ขาสั้นแข็งแรง อุ้งเท้ามีขนปกคลุมสีขาวทรงพลังช่วยในการเคลื่อนไหว หางเรียวยาว ปลายหางมีขนสีขาวชี้โค้งขึ้นเล็กน้อย

สุนัขบีเกิ้ลแท้ ดูยังไง

วิธีเช็คบีเกิ้ลแท้

  • ใบหน้ามีขนสีขาว
  • ใบหูใหญ่ พับตกชิดหัว
  • ขาสั้น แข็งแรง
  • อุ้งเท้ามีขนสีขาวปกคลุม
  • ปลายหางมีขนสีขาว

บีเกิล มีกี่สายพันธุ์

สุนัขบีเกิ้ลมีกี่สายพันธุ์กันแน่ หลายคนอาจสงสัยว่าบีเกิ้ลมีพันธุ์เดียว หรือมีหลายพันธุ์ โดยหลักๆ แล้วทางสมาคมสุนัขอเมริกันแบ่งสุนัขบีเกิ้ลออกเป็น 2 สายพันธุ์ ดังนี้

  • สุนัขบีเกิ้ลสูงไม่เกิน 13 นิ้ว หรือบีเกิ้ลไซส์เล็ก น้ำหนักประมาณ 8 กิโลกรัม
  • สุนัขบีเกิ้ลสูงไม่เกิน 15 นิ้ว หรือบีเกิ้ลขนาดมาตรฐาน น้ำหนักประมาณ 9 กิโลกรัมขึ้นไป
บีเกิ้ลมีกี่สายพันธุ์

สุนัขบีเกิล มีกี่สี

ใครอยากรู้บ้างว่าน้องบีเกิ้ล มีทั้งหมดกี่สี วันนี้เอ็นโซ่ได้รวบรวมสีขนของหมาบีเกิลมาให้แล้ว โดยสีที่พบบ่อยคือ สีขาว ดำ และน้ำตาลไหม้ แต่น้องไม่ได้มีสีและลวดลายเพียงเท่านี้ ยังมีสีขนอื่นๆ และลวดลายที่ไม่เหมือนกันอีกดังนี้

  • สีดำ-น้ำตาลไหม้
  • สีดำ น้ำตาลแดง และขาว
  • สีดำ น้ำตาลไหม้ และลายแต้มจุด
  • สีน้ำตาล-ขาว
  • สีน้ำตาล น้ำตาลไหม้ และขาว
  • สีน้ำตาลเหลือง-ขาว
  • สีขาว-น้ำตาลแดง
  • สีน้ำตาลไหม้-ขาว
  • สีเทาหม่น-ขาว
  • ลายแต้มขาว
  • ลายแต้มน้ำตาล
  • ลายแต้มดำ
  • ลายแต้มน้ำตาลไหม้
  • รอยด่าง
หมาบีเกิ้ล มีกี่สี

สุนัขบีเกิล นิสัย

บีเกิ้ล หมาที่ขึ้นชื่อเรื่องความน่ารัก ถึงแม้ว่าจะเคยเป็นสุนัขล่าเนื้อมาก่อน แต่ปัจจุบันหมาบีเกิ้ลมีนิสัยอ่อนโยน เป็นมิตร มีความกระตือรือร้นสูง เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง สดใสร่าเริง ขี้เล่น แถมแอบซุกซน ชอบสำรวจ และดมกลิ่นเก่งตามสัญชาตญาณหมาล่าเนื้อ นอกจากนี้น้องยังเป็นหมาที่ปรับตัวเก่ง ชอบเข้าสังคมเลยเข้ากับเด็ก หรือสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ ได้ดีเหมาะกับเป็นหมาครอบครัวสุดๆ ที่สำคัญสุนัขบีเกิ้ลรักเจ้าของมากพร้อมปกป้องคุณจากอันตรายอย่างกล้าหาญ ชอบเห่า โดยเฉพาะเวลาเจอคนแปลกหน้า หรือสิ่งผิดปกติ และก็แอบดื้อกับก้าวร้าวบ้าง ซึ่งหากได้รับการฝึกน้องสามารถควบคุมพฤติกรรมได้ดี

บีเกิ้ล นิสัยเป็นยังไง

สุนัขบีเกิล ดูแลยังไง พร้อมวิธีเลี้ยง

สุนัขบีเกิ้ล เลี้ยงยากไหม? ต้องดูแลอะไรบ้าง? คงเป็นคำถามที่หลายๆ คนสงสัย เพราะฉะนั้นเรามาลองดูกันว่าสุนัขสายพันธุ์นี้มีวิธีเลี้ยงยังไง ต้องฝึกไหม หรือแปรงขนบ่อยรึเปล่า ถ้าพร้อมแล้วไปค้นหาคำตอบกันเลย

  • การฝึก บีเกิลเป็นหมาที่ฉลาด แสนรู้ แต่ก็แอบฝึกยาก เนื่องจากมีสัญชาตญาณนักล่า ชอบสำรวจผจญภัย ชอบทำอะไรตามใจชอบมากกว่าทำตามคำสั่ง แต่ก็ใช่ว่าจะฝึกไม่ได้เลย ซึ่งสุนัขบีเกิลหากถูกฝึกตั้งแต่ยังเด็กก็จะทำให้น้องเชื่อง และเชื่อฟัง โดยฝึกให้ทำตามคำสั่ง เช่น นั่ง หมอบ นอน มานี่ หรือขอมือ เป็นต้น ซึ่งหากน้องทำตามคำสั่งแล้วควรมีขนมให้ตอบแทน หรือดึงดูดความสนใจในการฝึก อาจต้องใช้ความอดทนหน่อย แต่ถ้าฝึกได้แล้วบีเกิลจะเป็นหมาที่น่ารักสุดๆ ส่วนใครไม่มีเวลา หรือกลัวฝึกไม่ไหวสามารถพาไปเข้าโรงเรียนได้
  • การกรูมมิ่งการแปรงขน บีเกิลมีขนที่สั้น 2 ชั้น ไม่หนาจึงไม่ต้องดูแลมาก แต่มีขนร่วงเยอะ ดังนั้นหมั่นแปรงขนให้น้องเป็นประจำ สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง การอาบน้ำไม่ต้องอาบบ่อย ยกเว้นน้องตัวมอมแมมเกินไป ส่วนเล็บควรตัดเป็นประจำป้องกันการข่วน และใบหูควรเช็ดทำความสะอาดทุกสัปดาห์ เนื่องจากหูยาวห้อยลงมาปิดกั้นการไหลเวียนของอากาศเสี่ยงติดเชื้อได้ง่าย
  • การออกกำลังกาย สุนัขบีเกิลมีความแอคทีฟ และพลังเหลือล้นอยู่แล้วจึงไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายหนักมาก เพียงพาไปเดินเล่นอย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมง หรือให้ทำกิจกรรมเพื่อให้น้องได้ออกกำลัง และปลดปล่อยพลังบ้าง แนะนำว่าเวลาพาออกไปเดินควรใส่สายจูงป้องกันการวิ่งเตลิด หรือออกไปไล่ล่าเหยื่อตามสัญชาตญาณ
  • อาหาร เนื่องจากบีเกิลเป็นหมาที่กินจุ และกินทุกอย่างที่ขวางหน้า ดังนั้นควรเลือกอาหารที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางหลักโภชนาการทั้งโปรตีน คาร์โบไฮเดรต แร่ธาตุ และวิตามิน โดยแบ่งเป็น 2 มื้อต่อวัน สำหรับปริมาณอาหารให้พิจารณาจากอายุ และขนาดตัว ซึ่งสามารถปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อความเหมาะสมได้ เพราะหากให้ปริมาณอาหารมากเกินไปอาจเสี่ยงเป็นโรคอ้วนได้
วิธีเลี้ยง และดูแลหมาบีเกิ้ล

โรคที่พบบ่อยในสุนัขบีเกิล

ถึงแม้ว่าบีเกิ้ลจะเป็นหมาที่ดูแข็งแรง มีความกระตือรือร้นสูง แต่ก็ใช่ว่าน้องจะไม่เจ็บป่วยเลย เพราะสุนัขพันธุ์นี้ก็มีโรคประจำพันธุ์ที่ต้องระวัง และหมั่นสังเกตอาการ ซึ่งหากเจอเร็วจะได้รีบรักษาอย่างทันท่วงที น้องจะได้อยู่กับเราไปนานๆ ว่าแต่โรคประจำพันธุ์หมาบีเกิลมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย

  • โรค Musladin-Lueke Syndrome โรคทางพันธุกรรม เกิดจากการกลายพันธุ์ของยีน ทำให้เนื้อเยื่อเกี่ยวพันทำงานผิดปกติ ซึ่งส่งผลให้กระทบต่ออวัยวะหลายๆ ส่วน เช่น ข้อต่อ กล้ามเนื้อ ผิวหนัง กระดูก และหัวใจ อาจทำให้ข้อตึงเคลื่อนไหวไม่ปกติ และมีผิวหนังตึงมากกว่าปกติ
  • โรคอ้วน (Obesity) เกิดจากไขมันสะสมในร่างกายมากเกินปกติ สาเหตุมาจากอาหารการกิน ขาดการออกกำลังกาย อายุมากขึ้นการเผาผลาญลดลง หรือพันธุกรรมที่เสี่ยงอ้วนง่าย
  • โรคจอประสาทตาเสื่อม (Progressive Retinal Atrophy) เกิดจากยีนจอประสาทตากลายพันธุ์ ทำให้มีปัญหาในการมองเห็น และร้ายแรงสุดอาจตาบอดได้
  • โรคเชอร์รี่อาย (Cherry Eye) เกิดจากความผิดปกติของเนื้อเยื่อเปลือกตาที่สาม ทำให้เกิดก้อนกลมบริเวณหัวตา เสี่ยงตาอักเสบ ติดเชื้อ หรือมีโรคแทรกซ้อนตามมา
  • โรคกระดูกสะบ้าเคลื่อน (Patellar luxation) เกิดจากความผิดปกติของลูกสะบ้าที่อาจเคลื่อนหลุดไปด้านนอก หรือด้านในของหัวเข่า ทำให้รู้สึกเจ็บ เดินไม่เป็นปกติ และเหยียดขาไม่ได้
โรคที่พบบ่อยในหมาบีเกิ้ล

Q&A คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสุนัขบีเกิล

เป็นยังไงบ้างกับเรื่องราวของสุนัขบีเกิล เชื่อว่าทุกคนน่าจะรู้จักหมาพันธุ์นี้กันมากขึ้น และคงช่วยตอบข้อสงสัยหลายๆ อย่างได้ แต่หากยังคงมีคำถามอื่นๆ อีก ลองมาดูคำถามยอดฮิตที่ ENNXO รวบรวมมาให้เกี่ยวกับน้องบีเกิลกัน

  • สุนัขบีเกิ้ล เลี้ยงยากไหม?

บีเกิ้ล เลี้ยงไม่ยาก เพราะน้องเป็นหมาที่เฟรนลี่ ขี้เล่น รักเจ้าของ ปรับตัวเก่ง ชอบเข้าสังคม แต่อาจมีดื้อบ้างเวลาฝึกต้องใช้ความอดทนหน่อย โดยรวมเป็นหมาที่น่ารัก และเป็นมิตรสุดๆ

  • สุนัขบีเกิ้ล เฝ้าบ้านได้ไหม?

บีเกิ้ล อาจไม่เหมาะเป็นหมาสำหรับเฝ้าบ้าน เพราะน้องชอบเข้าสังคม ชอบผูกมิตร และเล่นสนุก

  • สุนัขบีเกิ้ลมีกี่สายพันธุ์?

สุนัขบีเกิ้ลมี 2 สายพันธุ์คือ บีเกิ้ลสูงไม่เกิน 13 นิ้ว (บีเกิ้ลไซส์เล็ก) และบีเกิ้ลสูงไม่เกิน 15 นื้ว

  • สุนัขบีเกิ้ล ห้ามกินอะไร?

สำหรับสิ่งที่บีเกิ้ล รวมไปถึงหมาพันธุ์อื่นๆ ห้ามกินคือ ช็อกโกแลต, องุ่น & ลูกเกด, อะโวคาโด, ไข่ดิบ, ปลาดิบ,หัวหอม และกระเทียม เพราะอาหารเหล่านี้เป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกายของสุนัข

  • สุนัขบีเกิ้ลแท้ ราคาเท่าไหร่?

หมาบีเกิ้ลแท้ ราคาประมาณ 20,000 บาทขึ้นไป บีเกิ้ล 2 สี 3 สี ราคาประมาณ 2 หมื่น หรืออาจสูงถึง 5 หมื่อบาท

บีเกิ้ล ห้ามกินอะไร

เลี้ยงสุนัขบีเกิล ดีไหม?

ตัดสินใจกันได้หรือยังว่าจะเลี้ยงหมาบีเกิลดีไหม? สำหรับคนที่ยังลังเลอยู่ กลัวว่าถ้าเลี้ยงแล้วจะดูแลได้ไหม จะเลี้ยงไหวรึเปล่า ลองมาดูข้อดีข้อเสียของสุนัขบีเกิ้ลกันก่อน รับรองว่าจะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นแน่นอน

ข้อดีของบีเกิ้ล

  • อ่อนโยน เป็นมิตร
  • ขี้เล่น
  • กระตือรือร้น
  • รักเจ้าของ
  • กล้าหาญ
  • ชอบเข้าสังคม

ข้อเสียของบีเกิ้ล

  • ดื้อ
  • เห่าบ่อย
  • พลังงานสูง ต้องได้ออกกำลังเป็นประจำ
  • กินเก่ง เสี่ยงโรคอ้วน
  • ชอบขุด สำรวจสิ่งต่างๆ
ข้อดี ข้อเสียของบีเกิ้ล

จบไปแล้วกับเรื่องราวของบีเกิ้ล สุนัขหน้าตาน่ารัก มีความอ่อนโยน เป็นมิตร ขี้เล่น ซุกซน และรักเจ้าของ ซึ่งหากใครกำลังวางแผนจะเลี้ยงหมาบีเกิลอยู่ แต่ไม่รู้จะไปหาซื้อที่ไหนดี ลองมาเลือกดูเลือกซื้อได้ที่ ENNXO ตลาดซื้อขายหมาบีเกิลออนไลน์ ที่นี่มีสุนัขบีเกิ้ลแท้ ราคาพิเศษมากมายหลายสี ทั้งบีเกิลตัวผู้ บีเกิลตัวเมีย หรือลูกหมาบีเกิล แถมสามารถเปรียบเทียบราคาในตลาด หรือจะเลือกค้นหาจังหวัดใกล้เคียงที่มีการลงขายบีเกิลได้ด้วย ส่วนใครที่เป็นเจ้าของบีเกิลอยากหาบ้านหลังใหม่ เปิดร้าน หรือฟาร์มขายบีเกิลก็ใช้บริการกับเอ็นโซ่ได้เหมือนกัน ใช้งานฟรี ไม่เสียค่าธรรมเนียม ดังนั้นหากคิดจะซื้อขายบีเกิล เลือก ENNXO เลยซื้อง่าย ขายคล่อง ที่เดียวจบเรื่องน้องหมาบีเกิล

ENNXO ตลาดซื้อขายหมาบีเกิ้ลออนไลน์

แชร์ไปยัง :

Share on Line