Frida Kahlo (ฟรีดา คาห์โล) จิตรกรหญิงชาวเม็กซิกัน ผู้ถ่ายทอดเรื่องราวความเจ็บปวดในชีวิตผ่านผืนผ้าใบ ผู้คนมักคุ้นเคยกับผลงานภาพวาด Self Portrait ของเธอที่ซ่อนนัยสำคัญเอาไว้ทั้งเรื่องราวความรัก ครอบครัว และความรู้สึกนึกคิดที่เธอล้วนสื่อสารออกมาผ่านภาพวาดทั้งสิ้น โดยวันนี้เราได้หยิบยกผลงานของเธอมาบางส่วนเพื่อศึกษาเรื่องราวเบื้องหลังภาพ ว่าแต่ละภาพมีเรื่องราวความเป็นมาอย่างไร
Viva La Vida ชีวิตจงเจริญ
Frida KahloFrida and Diego Rivera, 1931
ภาพการแต่งงานระหว่างฟรีดาและดิเอโก ริเบรา (Diego Riviera) สามีผู้เป็นที่รักและมีอิทธิพลต่อเธอในทุกๆ ด้าน ถึงแม้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ค่อยจะราบรื่นนัก แต่ท้ายที่สุดทั้งคู่ก็ยังคงเป็นความรักของกันและกันจนวันสุดท้าย
Henry Ford Hospital, 1932
ภาพการรักษาตัวในโรงพยาบาล จากเหตุการณ์ที่ฟรีดาแท้งลูกเป็นครั้งที่ 2 ภาพสื่อสารถึงความเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจ เห็นได้ว่าบนเตียงมีคราบสีแดงคล้ายๆ เลือด และมีสายสะดือโยงใยออกไปเป็นสัญลักษณ์ต่างๆ เพื่อสื่อถึงลูกที่เธอไม่อาจมีได้
The Two Fridas, 1939
ภาพวาดฟรีดาสองคนกำลังนั่งจับมือ และมีสายใยระหว่างหัวใจของทั้งคู่เชื่อมต่อกัน เบื้องหลังภาพนี้กำลังเล่าเรื่องราวการหย่าร้างระหว่างเธอกับสามี หลังจากที่เธอต้องทนกับความเจ้าชู้ของสามี เมื่อความสัมพันธ์นี้จบลงเธอก็หันมาคบหากับผู้หญิงด้วยกัน แต่ท้ายที่สุดเธอก็ไม่อาจหลุดพ้นจากสามี ของเธอได้และทั้งคู่กลับมาคืนดีกันหนึ่งปีให้หลังจากการหย่าร้าง
Viva La Vida, 1954
“Viva La Vida” ชีวิตจงเจริญ ภาพวาดสุดท้ายของชีวิตที่เธอวาดไว้ก่อนจากไปเพียง 8 วัน สาเหตุการเสียชีวิตของเธอตามที่แพทย์ระบุไว้คือเส้นเลือดอุดตันที่ปอด แต่หลายคนเชื่อกันว่าเธอตัดสินใจจบชีวิตด้วยตัวเอง ภาพแตงโมที่เธอวาดตามวัฒนธรรมของชาวเม็กซิกันนับว่าเป็นสัญลักษณ์ถึงความตายในเทศกาล Day of the Dead
นี้เป็นเพียงเรื่องราวส่วนหนึ่งของฟรีดา คาห์โล ที่เราได้หยิบยกมา สำหรับใครที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือสนใจเรื่องราวของเธอ สามารถตามไปดูผลงานภาพยนตร์ Frida (2002) ที่อ้างอิงเรื่องราวมาจากชีวิตเธอ หากใครได้ดูแล้วสามารถมาบอกเล่าประเด็นที่ชอบกันได้นะคะ