เป็นเรื่องปกติที่เราต้องทราบถึงแนวโน้มการเติบโตของสินค้าใดสินค้าหนึ่งหากเรากำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะทุ่มเงินลงทุนกับสินค้านั้นๆ หรือไม่ เหตุผลหลักๆ เลยที่คนยอมซื้อ หรือต่อยอดสินค้านั้นๆ ก็เพราะทราบดีว่า ในอนาคตสินค้าเหล่านั้นมีแนวโน้มที่จะมีผู้คนสนใจมากขึ้น ทำให้เมื่อ Demand หรือความต้องการของผู้คนในสินค้าที่มีจำกัดเพิ่มมากขึ้น สินค้าเหล่านั้นก็จะมีราคาที่สูงขึ้นตามนั้นเช่นกัน
เฉกเช่นเดียวกับในตลาดการค้าขายที่ดิน ที่ผู้สนใจจะเข้ามาเล่นในตลาดการซื้อ - ขายที่ดิน และอสังหาริมทรัพย์ ก็ควรศึกษาข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการทำมาค้าขายในตลาดนี้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายซื้อ หรือฝ่ายขายที่ดินนั้นๆ
1. วิเคราะห์ดัชนีของราคาที่ดินเปล่าก่อนนำไปพัฒนา
หนึ่งในข้อสำคัญที่ผู้ขายควรศึกษาอย่างแรกเลยคือต้องรู้จักดัชนีราคาที่ดินเปล่าแปลงนั้นๆ ก่อนที่จะนำไปพัฒนา หรือปรับปรุงทำเลดังกล่าวหลังจากได้เป็นเจ้าของ หรือมีสิทธิ์ในการปรับปรุงแล้ว เพราะดัชนีที่ดินดังกล่าวคือตัวเลขสำคัญที่ให้คุณทราบถึงค่าราคาเฉลี่ยในแต่ละปีของที่ดินแปลงๆ นั้น และต้องเปรียบเทียบราคาที่ดินนั้นในแต่ละปีอย่างถี่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นราคาที่ดินตรงนั้นที่มีแนวโน้มเติบโตในอนาคต หรือราคาที่ดินที่คุณครอบครองในอดีต เพื่อใช้เปรียบเทียบในกรณีนำที่ดินตำแหน่งนั้นไปลงสร้างสิ่งปลูกสร้าง และลงทุนต่อยอดต่อ
ซึ่งวิธีดูข้างต้น หากทราบว่าที่ดินที่เราซื้อมีดัชนีที่สูงขึ้นกว่าปีก่อนๆ มาก ก็แสดงถึงอนาคตของที่ดินผืนนี้ที่ดูจะมีแนวโน้มเติบโต และเหมาะที่จะลงทุน โดยดัชนีที่ดินจะดูกันเป็นไตรมาสในแต่ละปี และทำเลไหนที่ทราบดีว่าจะมีโครงการรถไฟฟ้าปลูกผ่าน ที่ดินละแวกนั้นย่อมมีราคาเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จงทำการลงทุนอย่างรอบคอบ และตั้งราคาอย่างเหมาะสมที่สุด
2. ดูโฉนดที่ดินให้เป็น
โฉนดที่ดิน หรือเอกสารที่แสดงถึงกรรมสิทธิ์ของที่ดินแปลงนั้นๆ โดยผู้ถือเอกสารสำคัญต่างๆ ควรรู้ไว้ เพราะพอหลายคนที่ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องโฉนด แต่เข้ามาทำงาน หรือทำธุรกิจในแวดวงนี้ ก็มักถูกเอาเปรียบ หรือถูกโกงได้ในที่สุด เพราะเอกสารโฉนดเป็นเอกสารสำคัญ เป็นหนังสือสำคัญที่ออกตามประมวลกฎหมายที่ดิน ไม่ว่าจะเป็น โฉนดที่ดิน โฉนดแผนที่ โฉนดตราจอง รวมถึงตราจองที่บ่งบอกว่า “ได้ทำประโยชน์แล้ว” แสดงให้เห็นว่าเจ้าของที่ดินมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินตรงนั้นอย่างสมบูรณ์ มีสิทธิประโยชน์ต่างๆ ในที่ดินแปลงนี้ไม่ว่าจะเป็นสิทธิ์ในการจำหน่าย และขัดขวางหากพบผู้ไม่ประสงค์เข้ามาใช้งาน หรือเกี่ยวข้องในพื้นที่ของตนเอง ซึ่งเกร็ดความรู้ที่ควรรู้อีกอย่างคือ หากปล่อยที่ดินให้เป็นที่รกร้างว่างเปล่าเกิน 10 ปี จะต้องตกเป็นของรัฐตามกฎหมาย
3. ตรวจสอบเอกสารให้ครบถ้วนด้วยการไปที่กรมที่ดิน
ก่อนที่จะทำธุรกรรมต่างๆ ทางที่ดิน มีความจำเป็นที่จะต้องติดต่อเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ และตรวจสอบเอกสารให้ครบถ้วน จากนั้น จะมีเจ้าหน้าที่เรียกผู้ซื้อ และผู้ขาย หรือในบางกรณี ก็จะเป็นผู้รับ และผู้โอน เพื่อไปเซ็นเอกสาร “ต่อหน้าเจ้าหน้าที่” จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ทำการประเมินทุนทรัพย์ พร้อมค่าธรรมเนียมการโอน เมื่อชำระเรียบร้อยแล้ว จะได้ใบชำระสีฟ้าเพื่อให้ผู้ขายทำการถ่ายสำเนาแก่ผู้ซื้อ และนำใบสีเหลืองคืนแก่เจ้าหน้าที่ ในขั้นตอนต่อมา เจ้าหน้าที่จะพิมพ์สลักข้างหลังโฉนด โดยผู้ขายต้องตรวจสอบความถูกต้องตลอด ห้ามปล่อยผ่านแต่อย่างใด จึงค่อยมอบโฉนด พร้อมสัญญาซื้อขายทด.13 ให้แก่ผู้ซื้อ นับว่าเป็นการทำการโอนที่ดินเสร็จสิ้นเรียบร้อย
อย่างไรก็ตาม ดั่งที่กล่าวไปข้างต้นว่าการซื้อขายที่ดินควรศึกษาจากหลากหลายที่ โดยเฉพาะจากแหล่งข้อมูลของกรมที่ดินเอง เพื่อความแม่นยำของข้อมูล และการเตรียมเอกสารอย่างถูกต้องครบถ้วน
หากใครอ่านบทความนี้แล้วสนใจอยากเป็นเจ้าของที่ดินสักผืน หรืออยากลงประกาศขายที่ดินของตนเอง ก็สามารถลงสมัครสมาชิกที่ ENNXO.COM และลงประกาศขายได้ฟรี ไม่ต้องเสียค่านายหน้า ไม่ต้องเสียค่าลงประกาศ ลงขายที่ดินได้ทุกวัน ไม่มีวันหยุด