สารบัญ
ปัจจุบันหนึ่งในอุปกรณ์ทำงานนอกเหนือจากคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ค แท็บเล็ตและโทรศัพท์แล้ว Keyboard (คีย์บอร์ด) ก็ถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่สำคัญ เพราะคีย์บอร์ดจะช่วยให้การทำงาน โดยเฉพาะการพิมพ์งานต่างๆ สะดวกสบายขึ้น
ทุกวันนี้คีย์บอร์ดนอกจากจะเป็นอุปกรณ์ทำงานแล้ว ยังถือเป็นไอเท็มสวยงามประดับโต๊ะที่ช่วยฮีลใจ หรือสร้างแพสชันในการทำงานแต่ละวัน เชื่อว่าสายพิมพ์งานและพนักงานออฟฟิศจะต้องถูกใจสิ่งนี้ วันนี้ ENNXO จะมาแนะนำ Mechanical Keyboard สำหรับทำงาน พิมพ์งาน ยี่ห้อไหนดี ยี่ห้อไหนน่าใช้ ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย
Keyboard มีกี่ประเภท มีแบบไหนบ้าง
คีย์บอร์ด (Keyboard) อุปกรณ์ไอทีที่ทุกคนคุ้นเคยและรู้จักเป็นอย่างดี แต่มีใครรู้บ้างว่าจริงๆ แล้วคีย์บอร์ดมีอยู่หลายประเภทด้วยกัน ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท มีแบบไหนบ้างไปดูกัน
- คีย์บอร์ดปุ่มยาง (Rubber Dome Keyboard) เป็นคีย์บอร์ดมาตรฐานที่มีการใช้งานมากที่สุด เนื่องจากมีราคาไม่แพงมากเพราะตัวปุ่มใต้ปุ่มกดเป็นยาง ซึ่งสัมผัสการใช้งานจะไม่นุ่มสบายเท่าคีย์บอร์ดประเภทอื่น
- คีย์บอร์ดกลไก (Mechanical Keyboard) หรือแมคคานิคอลคีย์บอร์ด ถือเป็นคีย์บอร์ดที่ได้รับความนิยมสุดๆ โดยเฉพาะสายเล่นเกม แต่ปัจจุบันสายทำงานพิมพ์งานก็หันมาใช่เช่นกัน เพราะคีย์บอร์ดประเภทนี้ให้สัมผัสการใช้งานที่นุ่มสบายด้วยกลไกสปริงโลหะ ที่สำคัญมีลูกเล่นสามารถปรับแต่ Keycaps (คีย์แคป) ได้ตามใจชอบจึงกลายเป็นคีย์บอร์ดยอดฮิต
- คีย์บอร์ดกึ่งกลไก (Semi-Mechanical Keyboard) คือเป็นการผสมผสานระหว่างคีย์บอร์ดปุ่มยางกับคีย์บอร์ดกลไก โดยดึงเอาจุดเด่นของทั้งสองประเภทมารวมกัน ทำให้สัมผัสการใช้งานค่อนข้างดี แต่ก็ยังไม่เท่าคีย์บอร์ดกลไก แต่ดีกว่าคีย์บอร์ดปุ่มยาง
นอกจากนี้คีย์บอร์ดยังมีหลายขนาดให้เลือกใช้อีกด้วย ซึ่งแบ่งได้เป็น 3 แบบหลักๆ ดังนี้
- คีย์บอร์ดขนาดเต็ม (Full-Sized Keyboard) (100%) ถือเป็นคีย์บอร์ดขนาดมาตรฐานที่นิยมใช้กันทั่วโลก เพราะมีปุ่มฟังก์ชันใช้งานที่ครบครัน โดยมีทั้งหมด 104 ปุ่มทั้งตัวอักษร ตัวเลข ลูกศรและฟังก์ชันจำเป็นอื่นๆ
- คีย์บอร์ดไร้ปุ่มตัวเลข (Ten-Key-less Keyboard) (80%) คีย์บอร์ดขนาดกลางที่มีการลดทอนส่วนของปุ่มตัวเลข หรือ Numpad ออก ดังนั้นทั้งหมดจึงมีเพียง 87-88 ปุ่มเท่านั้น แต่ฟังก์ชันการใช้งานพื้นฐานที่จำเป็นยังคงอยู่ครบ
- คีย์บอร์ดกะทัดรัด (Compact Keyboard) (60%) เป็นคีย์บอร์ดขนาดเล็กที่สุด โดยมีการลดทอนปุ่มตัวเลข (Numpad) ปุ่มฟังก์ชัน F1-F12 ปุ่มลูกศรรวมไปถึงปุ่มฟังก์ชันเสริมต่างๆ ดังนั้นจึงมีหน้าตาใกล้เคียงกับคีย์บอร์ดบนโน๊ตบุ๊ค ทำให้มีขนาดกระทัดรัดไม่กินพื้นที่
วิธีเลือก Keyboard ต้องดูอะไรบ้าง
คนที่กำลังมองหาซื้อคีย์บอร์ดสักอัน ห้ามพลาดสิ่งนี้ เพราะนี่คือตัวช่วยที่จะทำให้คุณเลือกคีย์บอร์ดได้ง่ายขึ้น แถมถูกใจอีกด้วย มีอะไรบ้างมาดูกัน
- เลือกคีย์บอร์ดแบบมีสาย หรือไร้สายขึ้นอยู่กับการใช้งาน ถ้าต้องเคลื่อนย้ายบ่อยๆ ควรเลือกแบบไร้สาย
- ประเภท ขนาดและน้ำหนักของคีย์บอร์ด โดยให้คำนึงถึงวัตถุประสงค์การใช้งาน เช่น ทำงาน หรือเล่นเกม เป็นต้น
- เลือกสัมผัสและเสียงพิมพ์ ซึ่งคีย์บอร์ดมีกลไกการทำงานที่เรียกว่า Switch ทำให้มีจังหวะและแรงกดที่แตกต่างกัน แบ่งได้เป็น Red Switch, Blue Switch และ Brown Switch สามารถเลือกได้ตามความต้องการ
- วัสดุที่ใช้ทำคีย์บอร์ด ควรเลือกวัสดุที่ทนทาน เช่น อะลูมิเนียม เป็นต้นเพื่ออายุการใช้งานที่ยาวนาน
- การรับประกันและบริการหลังการขายเพื่อความอุ่นใจหากคีย์บอร์ดมีปัญหา
หวังว่าเทคนิคในการเลือกคีย์บอร์ดที่เอ็นโซ่เอามาฝากจะช่วยให้คุณได้เจอกับคีย์บอร์ดคู่ใจอันใหม่ที่ตามหา
Keyboard คีย์บอร์ด ทำงาน พิมพ์งาน
สำหรับคีย์บอร์ดทำงาน พิมพ์งาน โดยทั่วไปแล้วนิยมใช้ประเภทคีย์บอร์ดปุ่มยาง เนื่องจากราคาไม่แพงและเป็นรุ่นมาตรฐาน ส่วนขนาดตัวคีย์บอร์ดก็มีการเลือกใช้ที่หลากหลายขึ้นอยู่กับความชอบ
แต่ทว่าภายหลังความนิยมเปลี่ยนไปคนเริ่มหันมาใช้คีย์บอร์ดกลไก หรือ Mechanical Keyboard กันมากขึ้น ถึงแม้ราคาจะสูงกว่า แต่มีความทนทานและให้สัมผัสการพิมพ์ที่นุ่มสบายกว่า ส่วนขนาดของตัวคีย์บอร์ดก็สามารถเลือกใช้ตามความชอบเหมือนเดิม แต่เอ็นโซ่อยากแนะนำให้เลือกใช้แบบคีย์บอร์ดขนาดเต็ม (Full size keyboard 100%) เพื่อความสะดวกสบายในการทำงานและฟังก์ชันใช้งานครบครัน
แนะนำ Keyboard ทำงาน พิมพ์งาน ยี่ห้อไหนดี
มาถึงตรงนี้หลายคนคงอยากรู้แล้วว่ามีคีย์บอร์ดอะไรที่ ENNXO แนะนำ ซึ่งขอบอกเลยว่า Keyboard ที่เลือกมาเป็นรุ่นที่คนทำงาน พิมพ์งานนิยมใช้ มียี่ห้ออะไรบ้างมาดูกัน
Logitech G512 Carbon
คีย์บอร์ดกลไก (Mechanical Keyboard) แบบมีสายขนาดเต็ม (Full-Size 100%) ฟังก์ชันใช้งานครบครันที่มาพร้อมสวิตช์ 3 แบบให้เลือก GX Red, GX Blue และ GX Brown ซึ่งแต่ละแบบให้จังหวะและแรงกดที่ต่างกัน นอกจากนี้ยังมีลูกเล่น Lightsync RGB สามารถเปลี่ยนสีตรงปุ่มกดได้อีกด้วย ที่สำคัญมีพอร์ต USB Passthrough ทำให้สะดวกสบายในการเชื่อมต่ออุปกรณ์อื่นๆ รองรับระบบการทำงาน Window 7 ขึ้นไป เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในคีย์บอร์ดยอดนิยมทั้งสายออฟฟิศและสายเกมมิ่ง
- ราคา 2,890 บาท
Keychron K10 Pro
คีย์บอร์ดจาก Keychron รุ่นนี้เป็นอีกหนึ่งรุ่นฮิต โดยเป็นแมคคานิคอลคีย์บอร์ดไร้สายแบบ Full-Size เช่นกันเพื่อความสะดวกในการพิมพ์งานและการเลือกใช้ฟังก์ชันต่างๆ ระหว่างทำงาน รองรับระบบการทำงานทั้ง Windows, iOS, macOS และ Android แถมมีสวิตช์สลับโหมดระหว่าง Windows กับ macOS ด้วย ส่วนระบบกลไกการทำงานของปุ่มกดก็มีให้เลือก 3 แบบคือ Red, Blue และ Brown สามารถเลือกได้ตามใจชอบ แบตเตอรี่ขนาด 4000 mAh ใช้งานได้ยาวนาน นอกจากนี้ยังมีพอร์ต Type-C กับ USB 2.4GHz Dongle สำหรับใช้เชื่อมต่ออุปกรณ์อื่นๆ ด้วย
- ราคา 4,390 บาท
Royal Kludge RK100
ใครชอบคีย์บอร์ดสีสันสดใสต้องถูกใจคีย์บอร์ดจากแบรนด์ Royal Kludge (RK) คีย์บอร์ดกลไก หรือแมคคานิคอลคีย์บอร์ดไร้สาย ขนาด Full-Size มาพร้อมสวิตช์ 3 แบบตามมาตรฐานของคีย์บอร์ดประเภทนี้เพื่อให้คุณเลือกได้สัมผัสและจังหวะในการพิมพ์ตามความชอบ นอกจากนี้มีลูกเล่นเพิ่มเติมคือ Hot-Swap ให้คุณเลือกเปลี่ยนสวิตช์ได้ตามต้องการ ที่สำคัญมีพอร์ตเชื่อมต่อหลายช่องทั้งช่องพอร์ตรองรับการเชื่อมต่อ USB-C to A, USB 2.4GHz Dongle และ พอร์ต USB-A 2 ช่องไว้เชื่อมต่ออุปกรณ์ หรือโอนย้ายไฟล์ รองรับระบบการทำงาน Windows และ macOS เรียกได้ว่าถูกใจทั้งสายออฟฟิศและสาย Custom Keyboard แน่นอน
- ราคา 2,300 บาท
CHERRY MX 2.0S
อีกหนึ่งแมคคานิคอลคีย์บอร์ดยอดนิยม คงหนีไม่พ้นแบรนด์ Cherry จากเยอรมัน โดยตัวคีย์บอร์ดเป็นแบบ Full-Size มีให้เลือก 3 สวิตช์ หน้าตาเรียบๆ สไตล์มินิมอล แต่ก็มีลูกเล่นอย่าง Lightsync RGB มาด้วย สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ ได้ด้วยสาย USB-C to A หรือ Bluetooth มาพร้อมกับพอร์ต USB 2.4GHz Dongle และระบบ Anti-Ghosting ทำให้สามารถกดปุ่มต่างๆ พร้อมกันได้มากกว่า 6 ปุ่มและ Full N-Key Rollover ระบบป้องกันการกดปุ่มผิดพลาด รองรับระบบการทำงาน Windows เป็นหลัก ถือเป็นหนึ่งในคีย์บอร์ดสเปกดีที่สายพิมพ์งาน สายออฟฟิศน่าจะชอบ
- ราคา 3,899 บาท
Machenike K500
คีย์บอร์ดกลไกไร้สาย สีสวยน่าใช้ อีกหนึ่งคีย์บอร์ดที่น่าจะถูกใจพนักงานออฟฟิศและสายพิมพ์งานต่างๆ ถึงแม้รุ่นนี้จะไม่ได้เป็นคีย์บอร์ด Full-Size แบบ 100% แต่ก็มีปุ่มถึง 94 ปุ่มพร้อมฟังก์ชันครบครัน มีสวิตช์ให้เลือก 3 แบบ Red, Blue และ Brown เหมือนเดิม ที่สำคัญมีลูกเล่น Lightsync RGB เปลี่ยนสีได้และสามารถเปลี่ยนคีย์แคป (Keycap) ได้ด้วยเพื่อสร้างความสวยงามและเอกลักษณ์เฉพาะตัว รองรับการเชื่อมต่อแบบสาย Type-C ใครที่กำลังมองหาคีย์บอร์ดทำงานใหม่อยู่ลองดูรุ่นนี้เลย
- ราคา 1,190 บาท
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว เชื่อว่าหลายคนที่กำลังหาคีย์บอร์ดอันใหม่สำหรับทำงาน พิมพ์งานน่าจะรู้วิธีเลือกและเจอคีย์บอร์ดที่ถูกใจกันแล้ว แต่หากใครยังไม่เจอ หรือต้องการส่งต่อคีย์บอร์ดอันเก่าสามารถเข้ามาใช้บริการที่ ENNXO แพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าออนไลน์มีทั้งเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน รองรับทั้งระบบ iOS และ Android ให้ได้เลือกใช้ ซึ่งที่นี่มีคีย์บอร์ดหลายยี่ห้อ หลายรุ่นและประเภทให้เลือกซื้อ หรือจะลงขายก็ได้เช่นกัน โดยลงขายฟรีที่หมวดซื้อขายคีย์บอร์ด ซึ่งคุณจะได้พบกับ Keyboard ที่ถูกใจในราคาที่ชอบแล้วมาเป็นครอบครัวเดียวกันกับเอ็นโซ่นะ