สารบัญ
7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก 2024 - 2025 คืออะไร ทำไมจึงกลายเป็นแลนด์มาร์กที่สำคัญแห่งใหม่ของนักท่องเที่ยวที่ต้องไปให้ได้สักครั้งในชีวิต สายผจญภัยคนไหนที่กำลังเตรียมเก็บข้อมูลอยู่บอกเลยว่าต้องห้ามพลาดติดตามบทความนี้ แล้ว 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกอยู่ประเทศอะไรบ้าง 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ ยุคกลาง ยุคเก่า คือที่ไหน วันนี้เอ็นโซ่จะพาไปหาคำตอบทั้งหมด สายเดินทางทั้งหลายเตรียมแพ็คกระเป๋าซื้อทัวร์ท่องเที่ยวตะลุยแหล่งมรดกโลกกันได้เลย
7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก 3 ยุค คืออะไร
7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก 3 ยุค คือ การแบ่งตามไทม์ไลน์ของการปลูกสร้างสิ่งมหัศจรรย์แต่ละสถานที่แต่ละประเทศ โดยมีช่วงเวลาตั้งแต่ยุคเก่า (ยุคโบราณ) ยุคกลาง และยุคใหม่
- ยุคเก่า ระหว่างยุคโบราณ - ค.ศ. 476
- ยุคกลาง ระหว่างปี ค.ศ. 476 - 1450
- ยุคใหม่ ตั้งแต่ปี ค.ศ.1450
ซึ่งปัจจุบันรายชื่อ 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกได้ถูกจัดอันดับขึ้นใหม่อีกครั้งเมื่อปี พ.ศ. 2550 โดยมูลนิธิ New7Wonders รู้จักกันในชื่อ The New Seven Wonders of the World หรือ 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่
ถึงแม้ว่าในปี 2024 นี้รายชื่อของ 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณได้ถูกปัดตกออกจากลิสต์รายชื่อไปแล้ว แต่สถานที่เหล่านั้นก็ยังคงเป็นสัญลักษณ์ความคลาสสิกในตำนานของสายตาชาวโลก โดยเฉพาะบรรดานักท่องเที่ยวหรือนักท่องโลกจากทั่วทุกสารทิศที่อยากเดินทางไปให้ถึงสักครั้งในชีวิต ทั้ง มหาพีระมิดแห่งกีซา อยู่ที่อียิปต์, สวนลอยแห่งบาบิโลนอารยธรรมเมโสโปเตเมีย, เทวรูปซูสที่โอลิมเปีย ประเทศกรีซ, วิหารอาร์ทิมีส, สุสานแห่งฮาลิคาร์นัสซัส, มหารูปแห่งโรดส์ และ ประภาคารฟาโรสแห่งอเล็กซานเดรีย ที่ตั้งอยู่ในอียิปต์
7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ อยู่ประเทศอะไรบ้าง
โครงสร้างปรักหักพังที่เก่าแก่ซับซ้อนกันนานกว่าพันๆ ปี สถานที่มหัศจรรย์ที่ดึงดูดสายตานักท่องเที่ยวทั่วโลกจากทั่วทุกแห่งหน เข้าไปสู่ร่องรอยแห่งอารยธรรมของโลกจนกลายเป็นจุดหมายปลายทางครั้งยิ่งใหญ่เพื่อไปยังพิกัด 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ ดังนี้
1. โคลอสเซียม The Colosseum, อิตาลี
โคลอสเซียม อัฒจันทร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก สัญลักษณ์ความยิ่งใหญ่แห่งอารยธรรมโรมันที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรม ประเทศอิตาลี ทวีปยุโรปใต้ โดยโคลอสเซียมสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 72 หรือประมาณ 2 พันกว่าปีมาแล้ว ใช้เวลาในการสร้างนานถึง 8 ปี จากกลุ่มแร่ภูเขาไฟจึงทำให้โคลอสเซียมเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่ยืนตระหง่านท้าลมฝนและแสงแดด โดยโคลอสเซียมนั้นมีลักษณะเด่นเป็นสนามกีฬาขนาดใหญ่เป็นสถาปัตยกรรมยุคโบราณ ตามประวัติแล้วโคลอสเซียมแห่งนี้สร้างขึ้นเป็นสนามประลองฝีมือ หรือสนามของนักรบกลาดิเอเตอร์พื้นที่การประลองแห่งยุคโรมันที่แอบซ่อนกลิ่นความโหดร้ายเอาไว้ด้วย
2. กำแพงเมืองจีน The Great Wall of China, จีน
กำแพงเมืองจีน สถาปัตยกรรมสุดยิ่งใหญ่หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่มีพีเรียดอยู่ในยุคกลาง อนุสรณ์สถานอันเป็นตำนานความมั่นคงแห่งอารยธรรมโบราณ ทั้งยังได้ซุกซ่อนประวัติศาสตร์บาดแผลของผู้คนจำนวนไม่น้อยไว้ด้วย โดยกำแพงเมืองจีนแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยจิ๋นซีฮ่องเต้ปฐมกษัตริย์แห่งจักรพรรดิจีน มีอายุมากกว่า 2,000 ปีมาแล้ว นอกจากเรื่องราวความเก่าแก่ที่คละคลุ้งผ่านกาลเวลามาเนิ่นนาน ยังมีไฮไลต์ที่สำคัญคือ ระยะทางของกำแพงเมืองจีนที่ทอดยาวกว่า 21,200 กิโลเมตร ถึงแม้ว่ากำแพงเมืองจีนจะมีการบูรณะซ่อมแซมมาอย่างต่อเนื่องในหลายราชวงศ์ แต่ความจริงที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้นั่นคือ กำแพงเมืองจีนนี้เป็นป้อมปราการทางยุทธศาสตร์ที่เก่าแก่และสำคัญที่สุดของประเทศจีน
3. ทัชมาฮาล The Taj Mahal, อินเดีย
ทัชมาฮาล (ภาษาอังกฤษ The Taj Mahal) คือสุสานแห่งความรักที่ยอดเยี่ยมและตระการตาที่สุด ใช้เวลาทั้งหมด 22 ปี สร้างโดยพระเจ้าชาห์ จาฮาน จักรพรรดิแห่งราชวงศ์โมกุล เพื่อระลึกถึงพระราชินีผู้เป็นที่รัก โดยทัชมาฮาลเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมยุคใหม่ที่มีการประดับตกแต่งด้วยเพชรพลอย และหินอ่อนอย่างโออ่าตั้งเด่นอยู่ในเมืองอัครา ประเทศอินเดีย (อดีตเมืองหลวง) ซึ่งหลายคนเรียกทัชมาฮาลว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่สวยที่สุดในโลก และยังเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคปัจจุบันอีกด้วย
4. รูปปั้นพระเยซูคริสต์ Christ the Redeemer, บราซิล
รูปปั้นพระเยซูคริสต์ หรือ กริชตูเรเดงโตร์ ตั้งอยู่บนยอดเขากอร์โกวาดู เมืองรีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1926 ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 บริเวณจุดสูงสุดของภูเขากอร์โกวาดูที่มีความสูงมากถึง 30 เมตร เป็นประติมากรรมสไตล์อาร์ตเดโคยุคใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทั้งยังเป็นอนุสรณ์สถานแห่งความศรัทธาและความหวังของมวลคริสตชนซึ่งมีความสูงเป็นอันดับ 3 ของโลก และรูปปั้นพระเยซูแห่งใหม่นี้ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก
5. มาชูปิกชู Machu Picchu, เปรู
มาชูปิกชู เมืองโบราณแห่งอารยธรรมอินคา ตั้งอยู่บนเทือกเขาแอนดีส ประเทศเปรู ทวีปอเมริกาใต้ สันนิษฐานได้ว่าสร้างขึ้นโดยจักรพรรดิปาชากูตี มีอายุตั้งแต่ราวปี ค.ศ. 1200 ยุคกลาง ก่อนจะกลายเป็นเมืองสาบสูญแห่งอินคาที่ทิ้งร่องรอยทางประวัติศาสตร์ไว้ได้อย่างสมบูรณ์ จึงทำให้มาชูปิกชูเป็นแหล่งโบราณสถานที่มีมนต์เสน่ห์ และได้รับการยอมรับให้มาชูปิกชูเป็น 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่
6. ชิเชนอิตซา Chichen Itza, เม็กซิโก
ชิเชนอิตซา ภายใต้เขตโบราณสถานแหล่งอารยธรรมมายัน ที่มีอายุมาตั้งแต่ราวคริสต์ศตวรรษที่ 10 ตั้งอยู่ที่คาบสมุทรยูคาตัน ประเทศเม็กซิโก ทวีปอเมริกากลาง ภายในได้ซ่อนเรื่องราวความลี้ลับของสิ่งต่างๆ ไว้มากมาย และไฮไลต์สำคัญของชิเชนอิตซา นั่นคือ เอลกาสตีโย (El Castillo) หรือ วิหารแห่งกูกัลคัน เป็นพีระมิดขั้นบันไดขนาดใหญ่หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ แน่นอนว่าชาวมายันผู้รุ่งเรืองทางอารยธรรมยังได้ซุกซ่อนปริศนาความงามเอาไว้ นั่นคือ เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูใบไม้ผลิ ดวงอาทิตย์ยามบ่ายจะทอดเงาสะท้อนบันไดของชิเชนอิตซาเห็นเป็นคล้ายลักษณะของงูเลื้อย นอกจากนี้ยังมีปริศนาทางดาราศาสตร์อีกมากมายที่อยู่ภายใต้สิ่งมหัศจรรย์ของโลกแห่งนี้
7. นครเพตรา Petra, จอร์แดน
นครเพตรา ประเทศจอร์แดน ตั้งอยู่กลางหุบเขา ใครๆ ต่างเรียกที่นี่ว่า “เมืองกุหลาบ” มหานครหินภูเขาสีทองโบราณอันห่างไกลที่อบอวลไปด้วยอารยธรรมชาวนาบาเทียน โดยนครเพตราแห่งนี้เป็นศูนย์กลางความมั่งคั่งทางการค้าอันยิ่งใหญ่ของดินแดนโลกตะวันออกยุคเก่า เมืองเพตรา มีลักษณะเด่นที่เป็นไฮไลต์สำคัญคือรอยแกะสลักจะเปลี่ยนสีไปตามความทึบโปร่งของแสงอาทิตย์ ซึ่งหลังจากนครเพตราได้ล่มสลายไปด้วยแผ่นดินไหว ทำให้ปริศนาลึกลับยังคงไม่เคยถูกคลี่คลาย
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่านครวัดนครธมจะไม่ถูกรับเลือกให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคปัจจุบัน แต่ “นครวัดนครธม” หรือ อังกอร์วัด ประเทศกัมพูชา กลับถูกขนานนามยกให้เป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับที่ 8 ของโลก
ทั้งหมดนี้คือ 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก 3 ยุค ในปี 2024 - 2025 ที่อัปเดตล่าสุด ทั้งยุคโบราณ ยุคกลาง และยุคใหม่ เตรียมเก็บข้อมูลแล้วตั้งหมุดหมายการเดินทางไปยัง 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ใครพร้อมแล้วสามารถกดซื้อแพ็คเกจทัวร์ต่างประเทศได้ที่ ENNXO แพลตฟอร์มซื้อขายแพ็คเกจทัวร์ออนไลน์ จากนั้นมุ่งหน้าสู่แหล่งมรดกโลกเหล่านี้ได้เลย